วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ปีใหม่ จร้า


 วันขึ้นปีใหม่

 
วันขึ้นปีใหม่ (Happy New Year) ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายของคำว่า ปี หมายถึง เวลาชั่วโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ครั้งหนึ่งราว 365 วัน และ เวลา 12 เดือนตามสุริยคติ
วันขึ้นปีใหม่ไทยประเพณีปีใหม่ของไทยสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 5 ตอนต้น ถือวันทางจันทรคติเป็นวันขึ้นปีใหม่
ในสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณโปรดเกล้าฯให้ใช้พุทธศักราช แทน รัตนโกสินทรศก ตั้งแต่ พ.ศ. 2455 และต่อมาใน พ.ศ. 2456 โปรดให้รวมพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์เถลิงศกสงกรานต์ พระราชพิธีศรีสัจจปานกาลถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาเข้าด้วยกันเรียกว่า พระราชพิธีตรุษสงกรานต์
ในสมัยรัชกาลที่ 8 คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร มหาอานันทมหิดล ได้ประกาศให้ใช้วันที่ 1 มกราคม เป็น วันขึ้นปีใหม่ เพราะวันที่ 1 มกราคม ใกล้เคียงวันแรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย เป็นการใช้ฤดูหนาวเริ่มต้นปีและเป็นการสอดคล้องตามจารีตประเพณีโบราณของไทยต้องตามคติแห่งพระบวรพุทธศาสนาและตรงกับนานาประเทศ โดยให้เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2484 ตามราชกิจจานุเบกษา เล่ม 58 หน้า 31 เป็นต้นไป
วันปีใหม่ 2555
สำหรับ พิธีของราชการและประชาชนในวันขึ้นปีใหม่ ก็จะมีตั้งแต่คืนวันที่ 31 ธันวาคม จนถึง วันที่ 1 มกราคม เช่น เคยยึดถือมาเดิม คือในวันสิ้นปีหรือ วันที่ 31 ธันวาคม ทางราชการหรือประชาชนในท้องถิ่นต่างๆ จัดให้มีการรื่นเริง มหรสพ และในตอนเช้า วันที่ 1 มกราคม ก็จะมีการทำบุญตักบาตร สุดแท้แต่การจัด บางปีมีการจัดร่วมกัน บางปีบางท้องที่ก็ไปทำบุญตักบาตรกันที่วัดหรือที่ใดๆ บางท่านบางครอบครัว ก็มีการทำบุญตักบาตรหรือการทำบุญเลี้ยงพระที่บ้าน ที่สำนักงานของตน
***********************************************************************************

กิจกรรมวันขึ้นปีใหม่

1. การทำบุญตักบาตร โดยอาจตักบาตรที่บ้าน หรือไปที่วัดหรือตามสถานที่ต่างๆ ที่ทางราชการเชิญชวนไปร่วมทำบุญ
2. ไปวัดเพื่อทำบุญ ถือศีล ปฏิบัติธรรม หรือฟังพระธรรมเทศนาฯลฯ เพื่อให้จิตใจสดชื่นแจ่มใสเบิกบาน
3. การกราบขอพรจากผู้ใหญ่ และอวยพรเพื่อนฝูง การมอบของขวัญ การมอบช่อดอกไม้ หรือการส่งบัตรอวยพร
4. การจัดงานรื่นเริง การจัดเลี้ยงในหมู่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้องหรือตามหน่วยงานต่างๆ
วันขึ้นปีใหม่นับเป็นโอกาสดีที่จะทำให้เราได้ทบทวนถึงการดำเนินชีวิตในอดีต เพื่อจะได้แก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นในอดีตให้ดีขึ้น

วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2555

กล้วยไม้


กล้วยไม้ส่งออก พลิกสู้วิกฤต...เป็นกระเช้าต้นกล้วยไม้ สวยปลูกได้


กระเช้ากล้วยไม้ปลูกได้
       ในอดีตกล้วยไม้เป็นสินค้าส่งออกที่สร้างรายได้ให้กับเจ้าของฟาร์มกล้วยไม้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน หลังจากยุคเศรษฐกิจฟองสบู่(แตก) การส่งออกชะงัก ทำให้ขาดรายได้ไปมาก  จึงหันมาสร้างตลาดภายในประเทศเพื่อจุนเจือรายได้ให้สามารถอยู่ต่อไปได้อย่างมั่นคง
         การรับจัดกระเช้ากล้วยไม้  โดยนำกล้วยไม้ในกระถางที่เลี้ยงไว้มาจัดแต่งเป็นกระเช้าเนื่องในโอกาสต่าง ๆ อย่างสวยงาม ภูมิใจผู้ให้และสุขใจผู้รับที่ได้ดอกไม้สวยงามแล้วยังสามารถนำไปปลูกไว้เชยชม เป็นงานอดิเรกได้อีกด้วย
              ผมคิดว่าผู้ที่มีที่ว่างเหลือพอ การนำมาใช้ประโยชน์ด้วยการเพาะเลี้ยงกล้วยไม้เป็นงานอดิเรก หากมีมากพอก็สามารถนำไปขายสร้างรายได้เพิ่มให้กับครอบครัวได้เป็นอย่างดีเพราะกล้วยไม้มีหลากหลายสายพันธ์ ล้วนแต่สวยงามทั้งนั้น
 
ในระหว่างที่รอให้คนงานจัดกระเช้ากล้วยไม้ให้ อนุญาตให้เดินชมกล้วยไม้ที่กำลังออกช่อดอกสวยงามมากมาย จึงเก็บภาพมาฝากบางส่วน (กล้องผมเก็บได้สวยแค่นี้ของจริงสวยกว่ามาก)
ส่วนสามภาพล่างนี้เป็นกล้วยไม้ที่ปลูกไว้หน้าบ้านใต้ต้นลีลาวดี
จำชื่อไม่ได้แล้ว อยู่กันมานาน....
กล้วยไม้ที่บ้าน จำชื่อไม่ได้
    ชื่อฟาร์ม  เจ้าพระยาออคิดส์เนอสรี่  อยู่ที่ 63/2  ม.1  ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี โทรศัพท์   02-593-1389-91 
     ผมยังไม่เคยได้เจอเจ้าของฟังข้อมูลจากคนจัดดอกไม้ และบางส่วนจากในอินเตอร์เน็ท  (จึงขออนุญาตเจ้าของไว้ที่นี้ด้วยถ้ามีโอกาสมาพบ นำเสนอด้วยเจตนาเพื่อช่วยประชาสัมพันธ์และบอกกล่าวแนวคิดกับคนทั่วไป)
ราคาที่ผมสั่ง กระเช้าในรูปแรกราคา 2,000.00 บาท ส่วนกระเช้าในรูปที่สาม ราคา 1,500.00 บาท  แม้ราคาจะสูงไปหน่อยสำหรับข้าราชการตำแหน่งเล็กๆ เงินเดือนน้อยๆ อย่างผม   แต่เมื่อได้เห็นหน้าที่ยิ้มละมัยและแววตาที่มีความสุขของกับคำขอบคุณหลายครั้ง จากเพื่อนผู้ได้รับแล้ว  คุ้มค่ากับความตั้งใจของผมมาก ถึงกลางเดือนผมก็ต้มมาม่ากินพร้อมกับรอยยิ้มสุขใจไปอีกนาน

วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ธรรมทายาท


ธรรมทายาทชาย




การบวชในร่มเงาพระพุทธศาสนา... 
มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับชีวิตลูกผู้ชายทุกคนเพราะนอกจากจะเป็น
 
การสร้างบุญกุศล
ติดตัวข้ามภพข้ามชาติอย่างชาญฉลาดที่สุดแล้ว ยังมีผลดีอย่างทันตาเห็น
ในชาตินี้อย่างมากมายมหาศาลทั้งทางด้านสติปัญญาความรู้เท่าทันโลกและชีวิตทั้ง
เศรษฐกิจ
และสังคม รวมทั้งด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต และคุณภาพชีวิตเพราะผู้บวชมิใช่เพียงผู้
โกนหัว
นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตรเท่านั้นแต่ผู้บวชจะต้องฝึกหัดอบรมทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติตามพระธรรม
วินัยของพระพุทธองค์อย่างเคร่งครัด
โครงการอบรมธรรมทายาทเป็นโครงการปลูกฝังคุณธรรม ให้แก่เยาวชนตามพุทธวิธีธรรมทายาทรุ่นแรกเริ่มขึ้นใน
ภาคฤดูร้อนของปี พ.ศ. ๒๕๑๕จนถึงปัจจุบันมีผู้ผ่านการอบรมแล้วนับหมื่นคน โดยใช้
ระยะเวลาการอบรมในช่วงปิดเรียนภาคฤดูร้อนประมาณสองเดือน ธรรมทายาททุกคน
จะต้องเตรียมตัวก่อนบวชในเดือนแรก ด้วยการอยู่ธุดงควัตร รักษาศีล๘ ปักกลดฝึก
นั่งสมาธิ ศึกษาธรรมะขั้นพื้นฐานหลังจากบวชแล้วก็จะฝึกฝนตนเองตามพระธรรมวินัย
ศึกษาธรรมะและปฏิบัติธรรมอีกหนึ่งเดือน เพื่ออานิสงส์ผลบุญนี้จะได้กับตนเองพ่อแม่
และผู้สนับสนุนการบวชของทุกคน
พุทธวิธีในการพัฒนาตนเองและความรู้ในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข ได้ถูกพัฒนามาเป็นหลักสูตรของการอบรม
ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ จะเป็นเครื่องกลั่นกรองให้ผู้บวชรู้จักผิด ชอบ ชั่ว ดี และมี
ความอดทนต่อการที่จะผจญโลกด้วยความมีสติรอบคอบเต็มไปด้วยเหตุและผลและจะ
เป็นเครื่องยกใจของผู้บวชให้สูงส่งและเป็นหลักประกันว่า ความรู้ทางด้านวิชาการ
ทั้งหลายที่เคยศึกษามานั้นล้วนจะถูกนำไปใช้เพื่อการสร้างสมความดีเป็นประโยชน์
ต่อตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติสืบไป
ประโยชน์ที่จะได้รับ
ผู้บวชย่อมได้อานิสงส์แห่งบุญจากการบวช ได้ฝึกฝน อบรมตนเองตามพุทธวิธี แม้
เพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็สามารถ นำพาชีวิตให้พบกับเป้าหมายอันสูงส่ง และย่อมได้อานิสงส์
มากมาย ยากที่จะนับจะประมาณได้ เพราะความตั้งใจอัน มั่นคงที่จะบวชฝึกฝนตนเอง
ถ้าตั้งใจประพฤติปฏิบัติอย่าง เคร่งครัด ย่อมได้อานิสงส์ดังนี้
๑.)  เป็นผู้รู้จักบริหารเวลา คือรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เรียกว่าความเป็นผู้รู้กาล
ซึ่งเป็นคุณธรรมข้อหนึ่งที่ทำให้เป็นสัปบุรุษ
๒.) แม้ช่วงเวลาจะสั้น แต่ถ้าลงปฏิบัติอย่างจริงจัง ก็จะได้   ลิ้มรสความสุข จากความสงบ
ตั้งแต่ยังเยาว์
๓.) มีโอกาสได้ศึกษาหลักธรรมไว้กำกับความรู้จะได้ใช้้ความรู้ ไปในทางที่ถูกที่ควร
๔.) ได้ฝึกวินัยและเข้าใจวัฒนธรรมในการอยู่ร่วมกัน เป็นหมู่คณะ ถ้าบรรพชาแล้ว ตั้งใจ
ฝึกฝนอบรมตนเอง  อย่างจริงจัง ต่อไปจะเป็นคนรักระเบียบวินัย
๕.) ได้ฝึกสมาธิ ทำจิตให้สงบ ซึ่งเป็นผลดีต่อการเรียน
๖.)  เกิดความปลื้มปิติยินดีที่ได้ทำความดี ตั้งแต่ยังเยาว์ความปิตินี้เองที่จะเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหัวใจอยู่เสมอ
๗.) ทำให้มีความอดทน ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ
๘.)ทำให้รู้จักตนเองนั่นคือรู้ว่าตนเองมีความรู้ความสามารถ  คุณธรรมแค่ไหนเพียงใด เพื่อที่จะได้พัฒนาปรับปรุง 
ตนเองให้ดียิ่งขึ้น
๙.) ได้ชื่อว่าเป็นผู้เริ่มถากถางหนทางไปพระนิพพาน


สร้างพระให้เป็นพระ 
การอบรมธรรมทายาทได้กำเนิดขึ้น ด้วย เจตนารมณ์ที่แน่วแน่มั่นคง
ตระหนักถึงคุณค่าของพระพุทธศาสนา ด้วยอุดมการณ์อันชัดเจนว่า
จะสร้างคนให้เป็นคนดี จะสร้างพระให้เป็นพระ จนถึงวันนี้ ถึงแม้จะยาวนานนับสามทศวรรษ การอบรมธรรมทายาทยังคงก้าวต่อไป
อย่างไม่หยุดยั้ง ให้สมกับปณิธานอันแน่วแน่ในการสั่งสมบารมี
เพื่อสู่เป้าหมายแห่งชีวิตของทุกคน และเพื่อค้นหาคำตอบที่ว่า "เราเกิดมาเพื่ออะไร"
ณ ที่นี่จึงกลายเป็นศูนย์รวมของบุคคลที่ต้องการ
ฝึกตนให้เป็นคนเต็มคนเป็นบัณทิตที่แท้จริง
ธรรมทายาทรุ่นนี้ รับเฉพาะนักศึกษา ระดับปริญญาตรี ,คุณสมบัติครบถ้วน และต้องมาสัมภาษณ์ในวันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคมนี้เท่านั้น
ถ้าไม่ใช่นักศึกษาระดับปริญญาตรี หรือมีคุณสมบัติที่ไม่ตรงกำหนด โปรดสมัครบวชได้ที่ศูนย์อบรมเยาวชน นครราชสีมา, ศูนย์อบรมเยาวชน ผาสุกวาณิช จ.ราชบุรี หรือศูนย์สาขาของวัดพระธรรมกาย



ธรรมทายาทหญิง



โครงการอบรมธรรมทายาทหญิงภาคฤดูร้อน
โครงการอบรมธรรมทายาทหญิงภาคฤดูร้อน
        พุทธวิธีพัฒนาศักยภาพของผู้หญิงธรรมดาๆ สู่การเป็น “ผู้หญิง 200%” ที่เก่งและดี พร้อมจะเดินหน้าชีวิตแบบเหนือกว่า Trend อย่างมีคุณค่าและความสุข summer นี้ มารับของขวัญชิ้นสำคัญเพื่อตัวเราเอง
คุณสมบัติผู้สมัคร
- นิสิต นักศึกษา ระดับอุดมศึกษาหรือ ปวส. ขึ้นไป เป็นโสด
- อยู่ร่วมกิจกรรมได้ตลอดระยะเวลาการอบรม
- ความประพฤติดี พร้อมปฏิบัติตามระเบียบของการอยู่ร่วมกัน
- สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ลมชัก หอบหืด โรคไต
- ไม่ติดยาเสพติด และมีใบรับราองแพทย์ยืนยัน
-  ร่างการสมบูรณ์ มีอวัยวะครบ 32 ประการ ไม่ทุพพลภาพ
พัฒนาศักยภาพของผู้หญิงธรรมดาๆ สู่การเป็น “ผู้หญิง 200%”
พัฒนาศักยภาพของผู้หญิงธรรมดาๆ สู่การเป็น “ผู้หญิง 200%”
หลักฐานประกอบการสมัคร
-  รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 1 นิ้ว ไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่นตาดำ จำนวน 1 ใบ
-  สำเนาบัตรประชาชน
-  สำเนาทะเบียนบ้าน
-  สำเนาแสดงสถานภาพการศึกษา หรือสำเนาบัตรนักศึกษา
-  ใบรับรองแพทย์
เปิดรับสมัครตั้งแต่
        วันนี้เป็นต้นไป ณ ชมรมพุทธศาสตร์สากล ในอุปถัมภ์สำเด็จมหารัชมังคลาจารย์ 23/2 ม.7 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120 โทร. 084-790-7223, 082-022-4376 หรือที่ชมรมพุทธศาสตร์ และศูนย์รับสมัครในสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ Click ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ibscenter.net และ www.ibsclub.net 
summer นี้ มารับของขวัญชิ้นสำคัญเพื่อตัวเราเองนะค่ะ
summer นี้ มารับของขวัญชิ้นสำคัญเพื่อตัวเราเองนะค่ะ

วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555

นางสาวสินจัย จะรีศรี (จ.นครพนม)

                        ตำนานจังหวัดนครพนม

ประวัติจังหวัดนครพนม
จังหวัดนครพนม เป็นจังหวัดเล็ก ๆ ริมฝั่งแม่น้ำโขง ในดินแดนที่ราบสูง อดีตเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์อันรุ่งเรือง แรกทีเดียวตัวเมืองตั้งอยู่ทางฝั่งซ้าย ของลำน้ำโขง (ฝั่งลาว) บริเวณทางใต้ปากเซบั้งไฟ ตรงข้ามกับอำเภอพระธาตุพนมในปัจจุบัน ตามอุรังคนิทานหรือตำนานพระธาตุพนม (พิสดาร) ของพระธรรมราชานุวัตรอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม ได้เรียบเรียงไว้ตอนหนึ่งว่า สมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาโปรดสัตว์ที่แคว้นศรีโคตรบูรณ์ มีพุทธทำนายว่าเมื่อพระองค์ปรินิพพานไปแล้วเมืองศรีโคตรบูรณ์จักย้ายไปตั้งที่ “ป่าไม้รวก” มีนามว่า “เมืองมรุกขนคร” ซึ่งสันนิษฐานกันว่าหมายถึง เมืองที่อยู่ในดงไม้รวก
ตามสภาพภูมิประเทศที่สร้างบ้านแปงเมืองนั้นเองประมาณ พ.ศ.500 สมัยพญาสุมิตรธรรม ผู้ครองเมืองมรุกขนคร เป็นกษัตริย์ผู้มีจิตศัรทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า มีการบูรณะพระธาตุพนมขึ้นเป็นครั้งแรก โดยก่อพระลานอูบมุง ชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 แล้วสร้างกำแพงล้อมรอบมีงานฉลองสมโภชอย่างมโหฬาร ซึ่งพระอุรังคธาตุได้แสดงปาฎิหารย์อัศจรรย์ยิ่ง ทำให้พญาสุมิตรธรรมบังเกิดความปิติโสมนัสมาก นอกจากถวายทรัพย์สินมีค่ามากมายเป็นพุทธบูชาแล้ว ยังมอบหมายให้หมู่บ้านทั้ง 7 แห่งในเขตแดนนั้น เป็นผู้ดูแลรักษาองค์พระธาตุ หลังจากพญาสุมิตรธรรม มีผู้ครองนครต่อมาอีก 2 พระองค์ ก็เกิดเหตุอาเพศแก่อาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ จนกลายเป็นเมืองร้าง กระทั่งถึง พ.ศ.1800 เจ้าศรีโคตรบูรณ์ได้สร้างเมืองมรุกขนครขึ้นใหม่ใต้เมืองท่าแขกบนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ใน พ.ศ. 2057 สมัยพระเจ้านครหลวงพิชิตทศพิศราชธานีศรีโคตรบูรณ์ได้เปลี่ยนชื่อเมืองใหม่กลายเป็น เมืองศรีโคตรบรูณ์ ตรงตามชื่ออาณาจักรเดิม
ในสมัยนี้ยังมีการบูรณปฎิสังขรณ์พระธาตุพนมเรื่อยมาจนถึง พ.ศ.2280 พระธรรมราชาเจ้าเมืองศรีโคตรบูรณ์องค์สุดท้าย ได้ย้ายเมืองมาตั้งบนฝั่งขวา (ฝั่งไทย) เยื้องเมืองเก่าไปทางเหนือแล้วขนานนามเมืองใหม่ว่า เมืองนคร จากนั้นมีการโยกย้ายชุมชนเมืองอีกหลายครั้ง พ.ศ.2321 ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้มีการย้ายเมืองมาตั้งที่บ้านหนองจันทร์ ห่างขึ้นไปทางเหนือ 52 กิโลเมตร ในปี พ.ศ. 2333 รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมืองนครก็ได้ขอขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร โดยพระองค์ทรงพระราชทานนามใหม่ขึ้นว่า นครพนม ชื่อนครพนมนั้น มีข้อสันนิษฐานประการหนึ่งว่า เมืองนครเคยเป็นเมืองลูกหลวงมาก่อน และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ จึงได้ใช้ชื่อว่า นคร ส่วนคำว่า พนม ก็มาจากพระธาตุพนม ปูชนียสถานที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน หรืออีกนัยหนึ่งคือ เดิมเมืองมรุกขนครตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงในบริเวณที่มีภูเขาสลับซับซ้อน จึงนำคำว่า พนม ซึ่งแปลว่าภูเขามาใช้ นครพนม จึงหมายความถึง เมืองแห่งภูเขา นั้นเอง

                                          ความเชื่อเรื่อง พญานาค


นาค หรือ พญานาค เป็นความเชื่อในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเรียกชื่อต่าง ๆ กัน แต่มีลักษณะร่วมกัน คือ เป็นงูขนาดใหญ่มีหงอน เป็นสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวาสนา อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของบันไดสู่จักรวาลอีกด้วย
ต้นกำเนิดความเชื่อเรื่องพญานาคน่าจะมาจากอินเดีย ด้วยมีปกรณัมหลายเรื่องเล่าถึงพญานาค โดยเฉพาะในมหากาพย์มหาภารตะ นาคถือเป็นปรปักษ์ของครุฑ ส่วนในตำนานพุทธประวัติ ก็เล่าถึงพญานาคไว้หลายครั้งด้วยกัน
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีตำนานเรื่องพญานาคอย่างแพร่หลาย ชาวบ้านในภูมิภาคนี้มักเชื่อกันว่าพญานาคอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง หรือเมืองบาดาล และเชื่อกันว่าเคยมีคนเคยพบรอยพญานาคขึ้นมาในวันออกพรรษาโดยจะมีลักษณะคล้ายรอยของงูขนาดใหญ่
ลักษณะของพญานาคตามความเชื่อในแต่ละภูมิภาคจะแตกต่างกันไป แต่พื้นฐานคือพญานาคนั้นมีลักษณะตัวเป็นงูตัวใหญ่มีหงอนสีทองและตาสีแดง เกล็ดเหมือนปลามีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี บ้างก็มีสีเขียว บ้างก็มีสีดำ หรือบ้างก็มี 7 สี เหมือนสีของรุ้ง และที่สำคัญคือนาคตระกูลธรรมดาจะมีเศียรเดียว แต่ตระกูลที่สูงขึ้นไปนั้นจะมีสามเศียร ห้าเศียร เจ็ดเศียรและเก้าเศียร นาคจำพวกนี้จะสืบเชื้อสายมาจาก พญาเศษนาคราช (อนันตนาคราช) ผู้เป็นบัลลังก์ของพระวิษณุนารายณ์ปรมนาท ณ เกษียรสมุทร อนันตนาคราชนั้นเล่ากันว่ามีกายใหญ่โตมหึมามีความยาวไม่สิ้นสุด มีพันศีรษะ พญานาคนั้นมีทั้งเกิดในนำและบนบก เกิดจากครรภ์และจากไข่ มีอิทฤทธิ์สามารถบันดาลให้เกิดคุณและโทษได้ นาคนั้นมักจะแปลงร่างเป็นมนุษย์รูปร่างสวยงาม
อย่างไรก็ตามความเชื่อเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่อยู่คู่กับชาวจังหวัดนครพนมลุ่มแม่น้ำโขง สายน้ำแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งความเชื่อเรื่องพญานาค พญานาคเปรียบเสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยช่วยให้ชาวลุ่มน้ำโขงอยู่เย็นเป็นสุข มีความอุดมสมบูรณ์นานาพันธุ์ เคียงคู่ไปกับสายน้ำโขงแห่งนี้ตลอดกาล

วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555

นางสาวสินจัย จะรีศรี



                                 สาขาการจัดการ-การจัดการทรัพยากรมนุษย์ คณะบริหารธุรกิจ